เพลง วันมาฆบูชา Makha Bucha Day
คำร้อง : ธรรมรักษ์
ทำนอง/เรียบเรียง : ปัญจสิขะ
ขับร้อง : ปัญจสิขะ
ภาพ : พุทธศิลป์
ใช้เฉพาะในการสอนศีลธรรม
เนื้อเพลง :
มาฆบูชาวันที่พระบรมศาสดา
ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์
แก่เหล่าพระอรหันต์ 1,250 องค์
ผู้ทรงอภิญญา
ล้วนเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา
ที่มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย
ณ เวฬุวันมหาวิหาร
ในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 3
เดือนเพ็ญ พระจันทร์ลอยเด่นเจิดจ้า
นบองค์พระศาสดา
วันมาฆปุณณมี
น้อมดวงใจส่งถึงพระชินสีห์
ล่วงกาลผ่านไปสองพันกว่าปี
โลกนี้ร่มเย็นเรื่อยมา
พระพุทธองค์ได้ทรงประทานโอวาท
เป็นหลักพระศาสน์แก่เหล่าพระอรหันต์
พันสองร้อยห้าสิบองค์ ผู้ทรงอภิญญา
ล้วนเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา
มารวมกันโดยมิได้นัดหมาย
ณ เวฬุวัน ยามบ่าย
ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์
ทรงมุ่งดับทุกข์โศก แด่ชาวโลกทั้งหลาย
เพื่อเป้าหมายสู่พระนิพพาน
มาฆบูชา
มหาสมาคมใหญ่ พุทธบริษัทรวมใจ
จุดโคมประทีปถวาย
มาฆบูชา
มหาสมาคมใหญ่ พุทธบริษัทรวมใจ
ปฏิบัติธรรมถวาย
จุดโคมประทีปถวายเป็นพุทธบูชา
ปฏิบัติธรรมถวายเป็นพุทธบูชา
#วันมาฆบูชา #EBook #เพลงวันมาฆบูชา #วัดพระธรรมกาย
โทรทัศน์ออนไลน์ถ่ายทอดสด 24 ชม : https://gbnus.com/
วันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 แต่ถ้าปีใดมีเดือนอธิกมาส คือ มีเดือน 8 สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 วันมาฆบูชาในปีนี้ ตรงกับวันพุทธที่ 7 มีนาคม (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4)
ความสำคัญของวันมาฆบูชา
วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 พระบรมศาสดาทรงประชุมพระสาวก ณ พระวิหารเวฬุวัน ในวันนั้นได้เกิดเหตุอัศจรรย์ประกอบด้วยองค์ 4 ซึ่งเรียกว่า “จาตุรงคสันนิบาต” เหตุอัศจรรย์ดังกล่าว คือ
เป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ ที่เรียกว่า “วันอุโบสถ” พระจันทร์เต็มดวง ดวงจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
พระภิกษุ 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้มีการนัดหมายทางวาจา กล่าวคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้ทรงใช้ให้ใครไปเรียกมา แต่ต่างองค์ต่างรู้ด้วยญาณทัสสนะ ต่างองค์ต่างมาจากแต่ละทิศ
พระภิกษุทั้งหมดล้วนเป็นพระอรหันต์ ปราศจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง ทรงอภิญญา มีฤทธิ์ มีตาทิพย์ มีหูทิพย์ ระลึกชาติได้ รู้ใจผู้อื่น
พระภิกษุทั้งหมดเป็นผู้ได้รับการบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทา (หมายถึง การอุปสมบทโดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานให้ด้วยพระองค์เอง ด้วยการตรัสว่า “จงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำที่ดีที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด”)
เมื่อพระภิกษุทั้งหมดมาประชุมพร้อมกันแล้ว พระบรมศาสดาทรงประทานโอวาทที่เรียกว่า “โอวาทปาติโมกข์” อันเป็นอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการ ในการเผยแผ่คำสอนของพระองค์ มีดังนี้
อุดมการณ์ คือ เป้าหมายสูงสุดของชีวิตชาวพุทธ และของชาวโลกทั้งโลก มี 3 ประการ ดังนี้
1. ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา “ความอดทน คือ ความอดกลั้นเป็นตบะอย่างยิ่ง” กล่าวคือ เกิดเป็นคนต้องอดทนจึงจะได้ดี ถ้าไม่ทนก็เอาดีไม่ได้ เพราะเมื่อเกิดมาก็เป็นทุกข์มาตั้งแต่เกิด เมื่อชีวิตเป็นทุกข์ก็ต้องทนอยู่สู้ต่อไป เพราะความอดทนเป็นเครื่องเผาผลาญกิเลสชั้นเยี่ยม
2. นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา “พระพุทธเจ้าทั้งหลายตรัสว่า พระนิพพานเป็นเยี่ยม” กล่าวคือ พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ทรงสอนเหมือนกันว่า พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ทนไปเถิด จะได้ไปพระนิพพาน ถ้าไม่ทน ก็ไม่ได้ไป
3. นะหิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต “นักบวชผู้ฆ่าสัตว์อื่น เบียดเบียนสัตว์อื่น ไม่ชื่อว่าสมณะเลย” กล่าวคือ ขณะที่ไปยังไม่ถึงนิพพาน ให้สงบเสงี่ยมเจียมตัว อย่าไปทำบาปเพิ่มอีก เพราะมีกฎแห่งกรรมควบคุมอยู่ ถ้าก่อเวรเพิ่ม ไม่ว่าด้วยเรื่องอะไรก็ตาม แสดงว่าไม่อดทน ถ้าไม่อดทนก็ไปไม่ถึงพระนิพพาน
หลักการ คือ กฎเกณฑ์สำคัญของชาวพุทธ และของชาวโลกทั้งโลก ในการตัดสินใจว่า จะทำหรือไม่ทำอะไร ถ้าผิดหลักการก็ไม่ทำ แต่ถ้าไม่ผิดหลักการจึงค่อยทำ มี 3 ประการ ดังนี้
1. สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง “การไม่ทำบาปทั้งปวง” กล่าวคือ ไม่ทำบาปทุกชนิด จะบาปมากหรือน้อยก็ไม่ทำ เพราะมีกฎแห่งกรรมคอยบังคับอยู่ ดังนั้นจะทำอะไรในชีวิตต้องถามตนเองก่อนว่า “บาปไหม” ถ้าบาปก็ไม่ทำ
2. กุสะลัสสูปะสัมปะทา “การบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม” กล่าวคือ ความดีอะไรที่มีอยู่ในโลกนี้ ถ้ามีโอกาสต้องทำให้เต็มที่ เพราะความดีบางอย่าง ตัวเราเองก็ไม่มีโอกาสได้ทำ
3. สะจิตตะปะริโยทะปะนัง “การทำจิตของตนให้ผ่องแผ้ว” กล่าวคือ กลั่นจิตของตนให้ใสตลอดเวลา หมั่นนั่งสมาธิทุกวันไม่ให้ขาด เมื่อใจใสมากเข้าจึงจะเห็นพระนิพพานได้
วิธีการ คือ แนวทางปฏิบัติตนอันเป็นคุณลักษณะที่ดีของชาวพุทธและของชาวโลกทั้งโลก มี 6 ประการ ดังนี้
1. อนูปะวาโท “การไม่เข้าไปว่าร้ายกัน” กล่าวคือ พระอรหันต์หรือพระอาจารย์ผู้เผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องไม่ว่าร้าย ไม่โจมตี ไม่นินทาใคร เว้นจากความชั่วทางวาจา
2. อนูปะฆาโต “การไม่เข้าไปล้างผลาญกัน” กล่าวคือ พระอรหันต์หรือพระอาจารย์ผู้เผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องไม่ทำร้าย ไม่เบียดเบียน ไม่ทำให้ใครได้รับความเดือดร้อน เว้นจากความชั่วทางกาย
3. ปาติโมกเข จะสังวะโร “การสำรวมในพระปาติโมกข์” กล่าวคือ พระอรหันต์หรือพระอาจารย์ผู้เผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องสำรวมระวังในศีลและมารยาทให้ดี ต้องมีศีล 227 ข้อ
4. มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสมิง “ความเป็นผู้รู้ประมาณในภัตตาหาร” กล่าวคือ พระอรหันต์หรือพระอาจารย์ผู้เผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องรู้ประมาณในการบริโภค ต้องฉันโดยรู้จักประมาณ รับมาให้พอประมาณ รับมาแค่พอประทังชีวิต
5. ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง “การนอน การนั่ง ในที่อันสงัด” กล่าวคือ พระอรหันต์หรือพระอาจารย์ผู้เผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเลือกนอน เลือกนั่ง ในที่สงบ จะได้มีโอกาสในการบำเพ็ญเพียร
6. อะธิจิตเต จะ อาโยโค “การประกอบความเพียรในอธิจิต” กล่าวคือ พระอรหันต์หรือพระอาจารย์ผู้เผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องรักษาใจให้ใสอยู่ตลอดเวลา โดยการทำสมาธิในทุกอิริยาบถ ทั้งยืน เดิน นั่ง และนอน
ขอเชิญร่วมจุดโคมมาฆประทีปออนไลน์ผ่าน ZOOM ที่ห้อง
https://dmc.tv/2564/47
Related Article
(วันศุกร์ 26 กุมภาพันธ์ วันมาฆบูชา 2564)
0 ความคิดเห็น